1.ความหมายเเละความเป็นมาของระบบคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ถูกนำ
มาเชื่อมต่อกันผ่านอุปกรณ์ด้านการสื่อสารหรือสื่ออื่นใด ทำให้ผู้ใช้ในระบบเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครือข่ายร่วมกันได้
มาเชื่อมต่อกันผ่านอุปกรณ์ด้านการสื่อสารหรือสื่ออื่นใด ทำให้ผู้ใช้ในระบบเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครือข่ายร่วมกันได้
2.ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ในรุ่นปัจจุบัน ก็ยังถือว่า อยู่ในคอมพิวเตอร์รุ่นที่ ๔ นี้ ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ได้ใช้วงจรเบ็ดเสร็จขนาดใหญ่มาก (very large scale integrated circuit) ซึ่งสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้มากกว่าสิบล้านตัว เราสามารถแบ่งคอมพิวเตอร์ในรุ่นปัจจุบันออกเป็น ๔ ประเภทดังต่อไปนี้
- ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)
- เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (mainframe computer)
- มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer)
- ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) หรือ พีซี (personal computer หรือ PC)
- ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)
- ถือได้ว่า เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วมาก และมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์ชนิดอื่นๆ เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์มีราคาแพงมาก มีขนาดใหญ่ สามารถคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้หลายแสนล้านครั้งต่อวินาที และได้รับการออกแบบ เพื่อให้ใช้แก้ปัญหาขนาดใหญ่มากทางวิทยาศาสตร์และทางวิศวกรรมศาสตร์ได้อย่างรวดเร็ว
- มีสมรรถภาพที่ต่ำกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาก แต่ยังมีความเร็วสูงมาก และมีประสิทธิภาพสูงกว่ามินิคอมพิวเตอร์ หรือไมโครคอมพิวเตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์สามารถให้บริการผู้ใช้จำนวนหลายร้อยคนพร้อมๆ กัน ฉะนั้น จึงสามารถใช้โปรแกรมจำนวนนับร้อยแบบในเวลาเดียวกันได้
- มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer)
- คือ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ ซึ่งสามารถบริการผู้ใช้งานได้หลานคนพร้อมๆ กัน แต่จะไม่มีสมรรถภาพเพียงพอ ที่จะบริการผู้ใช้ในจำนวนที่เทียบเท่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ได้
- ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) หรือ พีซี (personal computer หรือ PC)
- คือ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแบบขนาดตั้งโต๊ะ (desktop computer) หรือขนาดเล็กกว่านั้น อาทิเช่น ขนาดสมุดบันทึก (notebook computer) และขนาดฝ่ามือ (palmtop computer) ไมโครคอมพิวเตอร์ได้เริ่มมีขึ้นในปีพ.ศ. ๒๕๑๘ ถึงแม้ว่าในระยะหลัง เครื่องชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพที่สูง แต่เนื่องจากมีราคาไม่แพงและมีขนาดกระทัดรัด ไมโครคอมพิวเตอร์จึงยังเหมาะสำหรับใช้ส่วนตัว ไมโครคอมพิวเตอร์
(Input Devices) ซึ่งข้อมูลหรือคำสั่งต่างๆที่รับเข้ามาจะถูกนำไปเก็บไว้ที่หน่วยความจำหลัก (Memory) จากนั้นก็จะถูกนำไปประมวลผลโดยหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing) แล้วนำผลที่ได้จากการประมวลผลมาเก็บไว้ในหน่วยความจำแรม พร้อมทั้งแสดงออกทางอุปกรณ์แสดงผล (Output Devices) ดังนั้นระบบคอมพิวเตอร์จึงประกอบด้วย 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ส่วนอุปกรณ์รับข้อมูล ส่วนประมวลผลกลาง หน่วยความจำ และอุปกรณ์แสดงผล คอมพิวเตอร์มีหลักการทำงานอยู่ 4 ขั้นตอน คือ
1. รับข้อมูล คอมพิวเตอร์จะรับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลและคำสั่ง คือ คีย์บอร์ด เมาส์ และสแกนเนอร์ เป็นต้น2. ประมวลผลข้อมูล หรือ CPU (Central Processing Unit) ใช้คำนวณและประมวณผลคำสั่งต่างๆ ตามโปรแกรมที่กำหนด
3. จัดเก็บข้อมูล คอมพิวเตอร์จะเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์ที่เก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต เช่น ฮาร์ดดิสก์ ดิสเกตด์ แผ่นซีดี และอุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดพอร์ตยูเอสบีไดร์ ซึ่งหน่วยเก็บข้อมวลนี้สามารถ
แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
3.1 หน่วยควมจำหลัก สามารถแบ่งตามลักษณะการเก็บข้อมูลได้ดังนี้คือ(3.1.1) หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ คือ หากเกิดไฟดับระหว่างใช้งาน ข้อมูลจะหาย เรียกว่า แรม (RAM)
(3.1.2) หน่วยความจำแบบลบเลือนไม่ได้ คือ หน่วยความจำถาวร แม้ไฟจะดับข้อมูลก็จะยังอยู่เหมือนเดิม เรียกว่า รอม (ROM)
3.2 หน่วยความจำสำรอง คือ หน่วยความจำที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ ดิสเกตด์ แผ่นซีดี และอุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดพอร์ต ยูเอสบี
4. แสดงผลข้อมูล เมื่อทำการประมวลผลแล้ว คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ผ่านอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แสดงข้อมูล เช่น หากเป็นรูปภาพกราฟิกก็จะแสดงผลทางจอภาพ ถ้าเป็นงานเอกสารก็จะแสดงผลทางเครื่องพิมพ์ หรือหากเป็นในรูปแบบของเสียงก็จะแสดงผลออกทางลำโพง เป็นต้น
4.ลักษณะเด่นเเละข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีจุดเด่น 4 ประการ เพื่อทดแทนข้อจำกัดของมนุษย์ เรียกว่า 4 S special ดังนี้
1. หน่วยเก็บ (Storage) หมายถึง ความสามารถในการเก็บข้อมูลจำนวนมากและเป็นเวลานาน นับเป็นจุดเด่นทางโครงสร้างและเป็นหัวใจของการทำงานแบบอัตโนมัติของเครื่อง
คอมพิวเตอร์ ทั้งเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องด้วย
2. ความเร็ว (Speed) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลข้อมูล (Processing Speed) โดยใช้เวลาน้อย เป็นจุดเด่นทางโครงสร้างที่ผู้ใช้ทั่วไปมีส่วนเกี่ยวข้องน้อยที่สุด เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สำคัญส่วนหนึ่งเช่นกัน
3. ความเป็นอัตโนมัติ (Self Acting) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลตามลำดับขั้นตอนได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่องอย่างอัตโนมัติ โดยมนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้องเฉพาะในขั้นตอนการกำหนดโปรแกรมคำสั่งและข้อมูลก่อนการประมวลผลเท่านั้น
4. ความน่าเชื่อถือ (Sure) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ความน่าเชื่อถือนับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ความสามารถนี้เกี่ยวข้องกับโปรแกรมคำสั่งและข้อมูลที่มนุษย์กำหนดให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง กล่าวคือ หากมนุษย์ป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ย่อมได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน


5.ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
1. ด้านการศึกษา การใช้คอมพิวเตอร์ในด้านการศึกษา เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีส่วนช่วยในการพัฒนาด้านการเรียนของนักเรียนเพิ่มมาก ขึ้น เช่น ค้นหาข้อมูลที่ต้องการในอินเทอร์เน็ต เรียนออนไลน์ ดูวีดีโอสอนต่างๆ เป็นต้น

2. ด้านการสื่อสาร การสื่อสารในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม และความสะดวกแต่ละพื้นที่ การใช้คอมพิวเตอร์ในด้านการสื่อสารนั้นยังคงเป็นการสื่อสารอีกทางหนึ่งที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะมีความสะดวกในด้านต่างๆขณะสื่อสาร เช่น สามารถส่งไฟล์ภาพ หรือ ตกแต่งภาพก่อนส่งได้ มีความเร็วสูงกว่ามือถือ สามารถสนทนาโดยเห็นหน้าและได้ยินเสียงคู่สนทนา เป็นต้น


3. ด้านบริหารประเทศ การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในด้านบริหารประเทศ เป็นการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี เพราะมีการใช้คอมพิวเตอร์ในการวางแผนการทำงาน ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้อย่างเป็นระบบ

4. ด้านสังคม มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเก็บข้อมูลและช่วยทำการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมศาสตร์ในด้านต่าง ๆ ช่วยให้เราทราบข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตและความเป็นอยู่ ในสังคมได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น การจัดทำสถิติในรูปแบบของกราฟประชากร
5. ด้านวิศวะกรรม มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนแนวความคิดด้านวิศวกรรมให้บรรลุไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น การออกแบบอาคาร เป็นต้น

6. ด้านวิทยาศาสตร์ มีการใช้คอมพิวเตอร์ในด้านวิทยาศาสตร์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ประมวลผล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว เช่น การตรวจสอบหาองค์ประกอบของธาตุ


7. ด้านอุตสาหกรรม โรงงานในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการตัดสินใจ ควบคุมการทำงานของเครื่องจักร เก็บข้อมูลทั้งหมดของพนักงานในโรงงาน เป็นต้น

8. ด้านธุรกิจ การประกอบธุรกิจหลายประเภทที่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์เข้ามามีช่วยในการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ลดต้นทุนของกิจการ และเพื่อเสนอสินค้า บริการที่ทันสมัยให้แก่ลูกค้า เช่น การเติมเงินเข้าบัตรเพื่อชำระค่าตั๋วหนัง การสร้าง Application หรือ เWebsite เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าหรือบริการได้ สะดวก

9. ด้านการแพทย์ การใช้คอมพิวเตอร์ในด้านการแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงในการรักษาผู้ป่วย อีกทั้งยังใช้วินิจฉัยโรคก่อนเข้ารับการรักษา

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น